บล็อกนี้ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา อินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปีการศึกษา2554

วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

สิ่งของที่ห้ามนําขึ้นเครื่องบิน

มาดู สิ่งของที่ห้ามนําขึ้นเครื่องบิน กันค่ะ สำหรับคนที่ ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก หรือยังไม่รู้ว่าในการขึ้นเครื่องบินนั้น ของที่ห้ามนําขึ้นเครื่องบิน นั้นมีอะไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
หลักเกณฑ์และวิธีการปฎิบัติเกี่ยวกับการนำสัมภาระติดตัวประเภทของเหลว เจล หรือสเปรย์ขึ้นเครื่องบินตามประกาศของกรมการขนส่งทางอากาศซึ่งสอดคล้องกับแนวทางปฎิบัติของ ICAO ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 มิ.ย.2550

1. ของเหลว เจล หรือ สเปรย์ ตามประกาศของกรมการขนส่งทางอากาศ ได้แก่ น้ำ เครื่องดื่ม ครีม โลชั่น ออยส์ น้ำหอม สเปรย์ เจลใส่ผม เจลสำหรับอาบน้ำ โฟมชนิดต่างๆ ยาสีฟัน น้ำยากำจัดกลิ่นตัว และของอื่น ๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน

2. ของเหลวซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฎิบัติตามประกาศฉบับนี้ ได้แก่ นมและอาหารสำหรับเด็ก ยา ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งได้ให้พนักงานที่จุดตรวจค้นเพื่อการรักษาความปลอดภัยตรวจสอบแล้ว

3. การปฎิบัติตามประกาศฉบับนี้ให้ใช้กับทุกเที่ยวบินทั้งเที่ยวบินระหว่างประเทศและเที่ยวบินภายในประเทศ ซึ่งเดินทางออกจากสนามบินในประเทศไทย

4. ห้ามผู้โดยสารนำสัมภาระติดตัวซึ่งมีของเหลว เจล หรือ สเปรย์ ขึ้นเครื่องบิน

เว้นแต่จะได้ดำเนินการดังต่อไปนี้
4.1 ของเหลว เจล สเปรย์ หรือวัตถุและสารอื่นๆซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกันต้องบรรจุในภาชนะซึ่งมีปริมาณความจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร (หรือปริมาณที่เทียบเท่ากันในหน่วยวัดปริมาตรอื่น) สำหรับภาชนะซึ่งมีปริมาณความจุเกิน 100 มิลลิลิตรจะนำขึ้นเครื่องบินไม่ได้แม้ว่าจะบรรจุของเหลว เจล สเปรย์ หรือวัตถุและสารอื่นๆซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกันไว้เพียงเล็กน้อย

4.2 ภาชนะที่ใส่ของเหลว เจล สเปรย์ หรือวัตถุและสารอื่นๆซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน ต้องใส่รวมไว้ในถุงพลาสติกใสที่มีปริมาณความจุไม่เกิน 1 ลิตร (ประมาณ 20X20 ซม.)และสามารถปิดผนึกได้ (Transparent Re-Sealable Plastic Bag) โดยต้องปิดผนึกปากถุงให้เรียบร้อย

4.3 ผู้โดยสารสามารถนำถุงพลาสติกใสขึ้นเครื่องบินได้คนละ 1 ถุง

4.4 ผู้โดยสารต้องแยกถุงพลาสติกใสซึ่งใส่ภาชนะของเหลว เจล หรือ สเปรย์ ออกจากสัมภาระติดตัวอื่นๆ รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Laptop Computer) และเสื้อคลุม เมื่อถึงจุดตรวจค้นเพื่อการรักษาความปลอดภัย (Security Screening Point)

5. ของเหลว เจล หรือ สเปรย์ซึ่งซื้อจากร้านค้าปลอดอากร (Duty Free Shops) ที่สนามบินหรือซื้อบน เครื่องบินต้องบรรจุไว้ในถุงพลาสติกใสซึ่งปิดผนึกปากถุงและไม่มีร่องรอยผิดปกติให้สงสัยว่ามีการเปิดปากถุงหลังจากการซื้อ และมีหลักฐานแสดงว่าซื้อจากร้านค้าปลอดอากรที่สนามบินหรือบนเครื่องบินในวันที่ผู้โดยสารนั้นๆเดินทาง

ผู้โดยสารที่ต้องการจะซื้อสินค้าซึ่งเป็นของเหลว เจล หรือ สเปรย์ จากร้านค้าปลอดอากรที่สนามบิน ต้องตรวจสอบข้อมูลจากสายการบินหรือร้านค้าปลอดอากรที่สนามบิน เกี่ยวกับการปฎิบัติต่อของเหลว เจล หรือ สเปรย์ที่สนามบินซึ่งเป็นจุดปลายทางของการเดินทางและสนามบินทุกแห่งที่ผู้โดยสารต้องลงจากอากาศยานเพื่อแวะพักหรือเปลี่ยนลำอากาศยานก่อนที่จะซื้อสินค้าดังกล่าว

สำหรับการดำเนินการกับของเหลว สเปรย์ และเจลก่อนขึ้นเครื่องบินที่ ICAO แนะนำให้สนามบินปฏิบัติ คือ

1. ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารนำของเหลวทุกชนิดที่มีความจุเกิน 100 มิลลิลิตรขึ้นอากาศยาน

2. ภาชนะที่บรรจุของเหลวต้องเป็นภาชนะพลาสติกใสที่สามารถเปิด-ปิดได้ (Re-sealable) โดยภาชนะดังกล่าวต้องมีความจุไม่เกิน 1 ลิตร และต้องถูกปิดผนึกอย่างสมบูรณ์

3. หลังจากผ่านเครื่อง X-ray แล้ว ภาชนะพลาสติกใสต้องถูกตรวจสอบด้วยสายตาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผู้โดยสาร 1 คนสามารถนำภาชนะพลาสติกขึ้นเครื่องได้คนละ 1 ใบเท่านั้น

4. มาตรการนี้ไม่รวมถึงยารักษาโรค นม และอาหารของเด็กทารก รวมทั้งอาหารชนิดพิเศษสำหรับผู้ป่วย

5. เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ ควรนำถุงพลาสติกใสที่บรรจุของเหลวตรวจแยกต่างหากจากกระเป๋าสัมภาระอื่นๆ

6. มาตรการนี้ไม่รวมถึงของเหลวที่จำหน่ายจากร้านค้าหลังจุดตรวจค้น โดยของเหลวดังกล่าวต้องบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสที่ปิดผนึกอย่างดี และจะต้องพร้อมได้รับการตรวจตามความจำเป็น

รู้แบบนี้แล้วว่า สิ่งที่ห้ามนําขึ้นเครื่องบิน นั้นมีอะไรบ้าง เราก็อย่านำไปขึ้นเครื่องน่ะค่ะ ไม่งั้น ทางสนามบินเขาบังคับให้เราทิ้งของดังกล่าวแน่นอนค่ะ

" ศัพท์วัยรุ่น...... รู้ไว้ซะ...... "


คำพูด สุด HitZ

โอ้ว!! จอร์จ มันยอดมาก .... แปลก คำอุทาน

ประหารกันดื้อๆเลย ...... รับ มุข ม่า ทะ ทะ ทัน เรย น๊า คระ

ไปล้างมุ้งลวด .......... ไปไกลๆ เรยอะ ไม่ไหวเลย

ไปขัดส้วมสิ ....... มุขเนี๊ยเค้าม่าใช้แร๊ว เอ้าแระเอามุขไปชักโครกทิ้งซ๊า

ไปบิดผ้าเลย ......... เทอร์นะขี้เกียจมากเพราะขี้เกียจที่จะบิดขี้เกียจไปด้วย รวมๆน๊า

ซะงั้น .... อ้าว ไงล่ะ

นี่หรือเมืองพุทธ ........ ปลงจนทำรัยม่าถูก

จิ่งดิ ..... ตอกย้ำความมมั่นใจ ว่าจิงเหรอ

มาแว้ว ........................... มาแร้ว

วื่นวือ ................... วุ่นวายมากๆ

ไอ๊สุยยยย... --เป็นที่รู้กันในกลุ่มว่าผู้ชายที่แต่งตัวไม่ได้เหมาะกับสถานที่
เช่น อากาศร้อนมากแต่ใส่เสื้อกันหนาวแขนยาวตัวใหญ่ๆ

จูบู้ๆ -- เจอผู้หญิงที่แต่งตัว SeXY สุดยอดดดด...

ไปเด่อ -- ...ออกไปเที่ยวกัน ถ้าเกิดออกไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วแฟนไม่ได้มาด้วย...อ๊ะ!

วันนี้โปร่ง -- ประมาณปลอดโปร่งเพราะแฟนไม่มา

ยาวไป -- เที่ยวกลางคืนจนดึกดื่นถึงเช้า

ห่าน -- สาวสวยมากๆ

จิ๊บ -- ดีใจหรือเวลาเจอหนุ่มหล่อ

จีว่า -- เวลาเห็นใครแต่งตัวหรือแสดงออกเกินความจำเป็น

miss you โคตรๆ -- คิดถึงมาก ๆๆ

เฟิร์ม -- ตกลงในการนัดหมาย

เ.ยก -- น่าเกลียด ขี้เหร่มาก

เด้ง -- น่าขาว

ขี้เม้ง -- พวกที่ชอบวีน ขี้โวยวาย ด่าเก่ง ปากจัด หน้าตาบูดบึ้ง
อิม -- มาจาก impossible หมายถึง พวกเด็กเรียน คือสามารถทำเรื่อง(เรียน)
ที่ยากๆ ที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้

ตู้ -- เด็กเรียน

อึบ -- เด็กเรียน

ทึก -- เด็กเรียน

ทำเนียน -- ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นพวกเดียวกัน ทำตัวกลมกลืน

สึม -- ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นพวกเดียวกัน ทำตัวกลมกลืน

เชิง -- พวกที่เป็นเซียนในเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ได้

นอย -- มาจากพารานอย ก้อคือ วิตกกังวลไง

ชิว -- ทำนองดูเบลอๆ ลอยๆ

เนิบ -- สบายๆ ไม่ยุ่ง

ป๊อก -- หลับ

โปร -- คนที่เราแอบชอบ

โอ -- โอเค

ปู๊ -- แฟน

กิ๊ก -- มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน

สิ่งอัน -- ทุกสิ่งทุกอย่าง

เกิร์ป -- โง่ แบบ ควาย

เซี๊ยะ -- ยุยง

เซี๊ยว -- เพี้ยมาจากคำว่าเสี่ยว ก้อ แปลว่า เสี่ยวไง

เอ้าท์ -- เชย ตกกระแส โอ๊ย ไม่ไหวๆ

วัยรุ่นเซ็ง -- ไม่ได้ดั่งใจตัวเองหรือว่า เซรงไง แต่พูด

เทรนดี้ -- อินเทรน ทันกระแส ตามกระแส และก้อ ล้ำ มากๆด้วยแหละเทอร์

ZONE สีม่วง -- บุคคลอันตราย ดูแร้ว ไม่น่าไว้ใจ

ซับแหมน -- เหมือน HI! ไง ก้อ ทักทาย อ่า

ซับโบร๋ -- หวัดดี
สตรอเบอร์รี่ -- ก้อ ตอแหลไง คระ

กั๊ก -- แฟนของกิ๊ก .กทีนึงอะ

เบๆ -- ง่าย ๆ ทำได้ อย่างสบายๆ เรยน๊าคระ

เงือม -- งู อ่านะ

GeT -- เข้าใจ อันนี้คงได้ยินบ่อยแร๊ว สินะ

MOdIfY -- ปรับปรุง เปลียนแปลง ตรงตัวมากเรย

ปาดหน้าเค้ก -- ถูกเหยียดหยาม

FakE -- โกหก ตรงตัว .กแร๊น

HALLA -- ฮัลโหล เวลา รับ โทร อะสับ

ป๊อด -- ปอด หรือว่า ขี้กลัวอะ หรือ ประมาณ ว่าไม่กล้า

เซอ -- ติดดิน ง่ายๆ แล้วแต่ งัยก้อได้ ไม่เลิศไม่หรู เป็นคนสบายๆ เหมือนสมถะไง

เหนี่ยว -- ต่อย ทำร้ายร่างกาย

เด็กแนว -- เด็กที่ชอบทำตัตามกระแส

เซด -- พูด

WaNNaBE -- พวกจอมปลอม

NiGGa -- คุณสำลี ขาวมากๆๆ

โหนว -- หนัง X ก้อหนังอย่างว่า

ต็อกต๋อย -- กระจอก

ผีผ้าห่ม -- มี SEX

สาวก -- แฟนพันธ์แท้ หรือว่า แฟนคลับ

เตอกราย -- คงกระพันธ์

กิ๊กก๊อก -- ปัญญาอ่อน ติ๊งต๊อง ไร้สาระ ห่วยแตก

G.B. -- GENERAL เบ๊ คนรับใช้ทุกอย่าง

อัฟเฟรด -- น่าเกลียด ทุเรศ

แท่ม -- พูด

กิ๊บ -- เจ๋ง

จ๊อๆ -- แย่ๆจิงๆ

หงุ๊งหงิ๊ง -- งง

โจ๊ะ -- มัน ถ้าโจ๊ะๆ ก้อ มันๆ แบบว่าสนุกสนาน

OPTION แรง -- เครื่องแต่งตัวแพงมากๆ รวมทั้งตัวดู
แล้วอลังการ อย่างเช่น
เด็ก HIP HOP ที่แต่งตัวแบบครบๆ แบรนด์ของแท้

ตุ้ยหลิง - ติ่งเอฟฟี่ -- ผู้ชาย - ผู้หญิง
สลัมบอมเบย์ -- ต่ำสุด ๆ

ฉ่ำสมิหลา สงขลาปัตตานี แฟนตาซีภูเก็ต -- เริ่ดหรู อลังการ เวอร์สุดๆๆๆ

ไม่ใส่จิว -- ไม่ใส่ใจจริงๆ

อัลตร้าโมด้า -- อันตรายมาก ๆ

เอ็นซู -- ทำตัวน่าเอ็นดู ห่วงใย

ชิซูกะ -- ตะกละ กินไม่เลือก

แกสบี้ -- แก่มาก ๆ

เบยากู้ -- พวกผู้หญิงที่ชอบแย่งจิกผู้ชายแข่งกับกะเทย

บูยาเก้ -- ผู้ชายที่ชอบกะเทยสุด ๆ

สเมล เวลคัม -- กลิ่นเหม็น

ออนป้า -- แสดงความเป็นป้าออกสู่สายตาประชาชน

*********************************************

ฯลฯ...
ตกลงเคยใช้คำไหนกันบ้างเนี่ย อิ อิ...

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

สูตรลดน้ำหนัก ของสมเด็จพระเทพฯ

**ก่อนรับประทานอาหารควรดื่มน้ำก่อน 2 แก้ว**

วันแรก
มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือโยเกริต์

มื้อกลางวัน : ไข่ต้มสองฟอง

มื้อเย็น : สลัดผัก

วันที่สอง
มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม

มื้อกลางวัน : ไข่ต้มสองฟอง

มื้อเย็น : โยเกริต์

วันที่สาม
มื้อเช้า : โยเกริต์หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม

มื้อกลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้นหมู

มื้อเย็น : สับปะรด 1 ชิ้น

วันที่สี่
มื้อเช้า : ขนมปัง 1 แผ่น น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม

มื้อกลางวัน : สลัดผักและไก่ย่าง 1 ชิ้น

มื้อเย็น : โยเกริต์

วันที่ห้า
มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม

มื้อกลางวัน : ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น

มื้อเย็น : สลัดผัก

วันที่หก
มื้อเช้า : น้ำผลไม้หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่ครีม

มื้อกลางวัน : ปลานึ่งหรือปลาเผา

มื้อเย็น : นมสด

วันที่เจ็ด
มื้อเช้า : ข้าวสวย 1 ทัพพี และหมูย่าง 1 ชิ้น หรือ ข้าวสวย 1 ทัพพี และไข่ต้ม 1 ลูก

มื้อกลางวัน : เกาเหลาลูกชิ้นหมู

มื้อเย็น : สับปะรด 1 ชิ้น

วันที่แปด
มื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อเย็น : ให้รับประทานอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่ถ้าอยากลดน้ำหนักต่อให้เริ่มทำตั้งแต่วันแรก

สารพัดสูตร...บำรุงผิวหน้าสวยด้วยธรรมชาติ !!

สารพัดสูตร...บำรุงผิวหน้าสวยด้วยธรรมชาติ !!

สูตรขัดหน้านุ่มเนียน
ให้คุณตักโยเกิร์ตรสธรรมชาติมาสัก 2 ช้อนโต๊ะใส่ลงในชาม ใส่น้ำตาลทรายชนิดหยาบลงไป 1 ช้อนชา คนส่วนผสมทั้งสองให้เข้ากันแล้วจึงนำมาขัดเบาๆ ให้ทั่วใบหน้าเพื่อเป็นการขจัดเซลล์เก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป เว้นรอบดวงตาและรอบปากเอาไว้ เพราะทั้งสองส่วนนี้ถือเป็นส่วนที่บอบบาง เมื่อขัดสักครู่จนทั่วแล้วก็ให้ทิ้งเอาไว้สัก 5 นาทีก่อนที่จะล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ
สูตรหน้าสวยใส
นำหัวไชเท้ามาล้างให้สะอาดและปอกเปลือกออก สไลด์บางๆ เป็นแว่นๆ แช่เย็นไว้สักครู่จึงนำมาแปะที่ใบหน้าเหมือนการแปะแตงกวา หัวไชเท้าเย็นๆ จะทำให้ใบหน้าสดชื่นเย็นสบาย จะรู้ว่าผิวกระจ่างใสขึ้นเพราะในหัวไชเท้ามีกรดอ่อนๆ ที่ทำให้ผิวดูดีขึ้นได้ ทิ้งไว้สักครู่ประมาณ 15 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำเย็นหรือน้ำธรรมดาก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
สูตรลับลดความมัน
ผู้ที่มีผิวหน้ามันสามารถมีผิวหน้าที่นุ่มชุ่มชื้นและไม่มันได้โดยการใช้สับปะรดประมาณ 1 ถ้วย คั้นน้ำและแยกกากออก ใช้สำลีก้อนชุบน้ำสับปะรดมาทาที่ใบหน้าโดยให้เว้นที่บริเวณรอบดวงตาและรอบปาก ทิ้งไว้สักครู่ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น คุณจะรู้สึกเลยว่าหน้าไม่มันแต่กลับนุ่มชุ่มชื้น ควรใช้สับปะรดที่มีความเปรี้ยวจะดีกว่าที่มีความหวาน เพราะจะมีประสิทธิภาพในการลดความมันได้มากกว่า
สูตรแก้ไขหน้าแห้งกร้าน
สูตรนี้จะช่วยทำให้หน้าที่แห้งกร้านกลับนุ่มชุ่มชื้นและยังช่วยลดความมันอีกด้วย โดยนำน้ำอุ่นประมาณ 1 ถ้วยมาผสมให้เข้ากันดีกับเกลือป่น 2 ช้อนชาจากนั้นนำมาใส่ในขวดสเปรย์แล้วฉีดพรมที่ใบหน้า ทิ้งไว้สักครู่ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สูตรหน้าสะอาดหมดจด
สูตรนี้จะเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกบนผิวของคุณออกไปอย่างหมดจด นอกจากผิวจะสะอาดแล้วยังนุ่มนวลและชุ่มชื้นอีกด้วย โดยใช้นมสดสัก 3 ช้อนโต๊ะผสมกับผงชาเขียวป่นที่หาซื้อได้ตามร้านทำขนมมอบทั้งหลาย ผงชาเขียวนี้ใช้เพียงแค่ 1 ช้อนชาเท่านั้น เมื่อผสมกันดีแล้วก็ให้ใช้สำลีก้อนชุบส่วนผสมทั้งสองนี้แล้วนำมาถูให้ทั่วใบหน้าเว้นรอบดวงตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น
สูตรหน้าใสไร้ฝ้า
สูตรนี้นอกจากจะสามารถลอกฝ้าได้แล้วังมีผลในการช่วยบรรเทาสิวอักเสบและลบเลือนจุดด่างดำบนใบหน้าได้ด้วย วิธีการก็ง่ายๆ คือตัดว่านหางจระเข้มาสัก 1 กาบไม่ต้องใหญ่มาก ปอกเปลือกออกให้หมดเอาแต่ส่วนของเนื้อใสมาใช้ นำเนื้อใสหรือวุ้นที่ได้มาปั่นเนียนละเอียดแล้วทาให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบดวงตาและริมฝีปากเอาไว้ทิ้งไว้สักครู่ประมาณ 20 นาทีจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น มีข้อควรระวังคือหากเป้นผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่ายไม่ควรใช้สูตรนี้เพราะอาจเกิดการระคายเคืองได้
สูตรลบเลือนจุดด่างดำ
สูตรนี้จะทำให้ใบหน้าสวยใสขึ้นเพราะจุดด่างดำจะลบเลือนลงและยังช่วยให้หน้านุ่มชุ่มชื้นไม่แห้งกร้านอีกด้วย โดยนำส้มมาคั้นให้ได้น้ำประมาณ 2 ช้อนโต๊ะจากนั้นใส่นมสดผสมลงไป 1 ช้อนโต๊ะ คนจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดีแล้วจึงนำสำลีก้อนมาชุบและถูให้ถั่วไปหน้าเบาๆ เว้นบริเวณรอบดวงตาและปากเหมือนเดิมทิ้งไว้สักครู่ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ
สูตรผลัดผิวกระจ่างใส
สูตรนี้ทำได้ง่ายอีกเช่นกัน โดยการใช้เพียงมะละกอสุกอย่างเดียว ให้นำมะละกอสุกประมาณ 1/4 ถ้วยมาปั่นให้ละเอียดแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาทีจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด คุณจะรู้สึกเลย
ว่าผิวหน้าใสและนุ่มนวลขึ้น

สูตรแก้ไขผิวที่ถูกแดดและลมเป็นเวลานานๆ
บางทีเราก็หลีกเลี่ยงแดดและลมที่ทำให้ผิวเกิดปัญหาความหยาบกร้านและเหี่ยวย่นไม่ได้ เมื่อเป็นแล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากเพราะมีวิธีง่ายๆ และดีที่สามารถแก้ปัญหาอย่างได้ผลมาฝาก ให้นำสตรอเบอร์รี่ 2 ผลและแอปเปิล ¼ ผลมาปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน แอปเปิล นั้นควรปอกเปลือกออกก่อนเพื่อจะได้มีความนุ่มนวลเวลาที่ใช้ จากนั้นนำส่วนผสมที่ปั่นกันจนละเอียดแล้วมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบดวงตาและริมฝีปากเอาไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สูตรมากส์หน้าเพื่อความชุ่มชื้น
สูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งและผู้ที่ไม่มีปัญหาอย่างคนผิวธรรมดาก็สามารถใช้ได้เช่นกัน นำงา 1 ช้อนชา น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และกล้วยหอมผลขนาดกลางสัก 1 ผลมาผสมและปั่นรวมกันให้เป็นเนื้อเนียนละเอียด จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วบริเวณใบหน้าและทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เว้นบริเวณรอบดวงตาและปากเอาไว้ เมื่อถึงกำหนดเวลาแล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ
สูตรมากส์หน้าแก้ไขปัญหาหน้ากร้านแดด
หน้ากร้านแดดที่ว่านี้ก็คือหน้าที่มีอาการแดงแสบและหยาบกร้าน นอกจากนี้ผิวหน้ายังไม่นุ่มชุ่มชื้นอีกด้วย วิธีการแก้ไขก็คือให้นำอะโวคาโดมาสักประมาณ ¼ ถ้วยผสมรวมกันกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชาและน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ใส่ลงในเครื่องปั่นแล้วปั่นให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าโดยเว้นรอบปากและดวงตาเอาไว้ ทิ้งไว้สักครู่ประมาณ 20 นาทีจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น
สูตรสวยหน้าตึงกระชับ
นอกจากหน้าจะตึงกระชับแล้วยังทำให้สิวที่เป็นปัญหาทุเลาลงได้ด้วย ให้คุณใช้ไข่ขาว 1 ฟอง ผสมกับกำมะถัน 1 ช้อนชา และถั่วเขียวต้มบดละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วจึงนำมาพอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีโดยไม่ลืมที่จะเว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก เมื่อครบตามกำหนดเวลาแล้วจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ
สูตรสวยของคนผิวแพ้ง่าย
สูตรนี้ถือเป็นสูตรที่มีความอ่อนโยนสูงจึงดีต่อผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ให้คุณนำน้ำมะนาว ½ ช้อนโต๊ะและหัวไช้เท้า ½ ถ้วยตวงมาใส่เครื่องปั่นแล้วปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงนำไปพอกบริเวณใบหน้าสักประมาณ 20 นาที
คุณอาจจะรู้สึกตึงๆ และคันยิบๆ เล็กน้อยเนื่องจากกรดในน้ำมะนาวและสารเคมีในหัวไช้เท้ากำลังทำงานอยู่ซึ่งไม่มีอันตรายแต่อย่างใด เมื่อครบกำหนดตามเวลาแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ ผิวคุณก็จะสดใสเปร่งปลั่งขึ้นมาทันที

สูตรขัดหน้าสะอาดเอี่ยมอ่อง
เป็นอีกสูตรที่สามารถใช้ขัดหน้าได้ ทั้งสะอาดหมดจดและยังมอบความเนียนนุ่มให้แก่ผิวของคุณในครั้งแรกที่ได้ใช้อีกด้วย โดยให้คุณนำข้าวโอ๊ดอบแห้ง 1 ช้อนชากับถั่วเขียวเมล็ดแห้ง ½ ช้อนชาผสมกันลงในเครื่องปั่นแล้วปั่นให้ละเอียดที่สุดจากนั้นจึงนำมาผสมน้ำเล็กน้อยแล้วขัดเบาๆ ให้ทั่วผิวหน้า
ควรเน้นการขัดบริเวณข้างจมูกซึ่งมักเป็นส่วนที่เกิดสิวเสี้ยนหรือความสกปรกได้ง่ายกว่าส่วนอื่น เมื่อขัดจนทั่วทุกพื้นที่บริเวณใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นให้หมดจดอย่าให้หลงเหลือ เพราะสูตรนี้หากล้างออกไม่หมดอาจทำให้เกิดสิวอุดตันบนใบหน้าได้

สูตรหน้าใสไร้ความหมองคล้ำ
ผู้ที่มีปัญหาหน้าหมองมองแล้วไม่สดใสควรใช้สูตรสวยสูตรนี้จะดีขึ้นเป็นอย่างยิ่ง โดยนำน้ำมะนาว นมผงของเด็ก และน้ำสะอาดอย่างละ 1 ช้อนชามาผสมรวมกันให้ดี จากนั้นนำมาพอกที่ใบหน้าประมาณ 20 นาที พยายามอย่าขยับเขยื้อนใบหน้าในช่วงนี้นักเพราะอาจทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย
เมื่อครบตามกำหนดเวลาแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ แล้วซับหน้าเบาๆ จะรู้สึกได้เลยว่าผิวหน้าของคุณดูกระจ่างใสขึ้นเนื่องจากการทำงานของกรดในมะนาวและมีความนุ่มชุ่มชื้นจากนมผงอยู่ด้วย

สูตรสวยหน้าเต่งตึง
สูตรนี้เป็นสูตรที่ใช้อย่างได้ผลกับผู้ที่มีวัยเข้าเลข 3 และมีปัญหาผิวหน้าหย่อนยาน ถือว่าเป็นสูตรที่ทำง่ายไม่ยุ่งยากอะไรเพราะใช้น้ำแข็งเพียงอย่างเดียว
อันดับแรกให้คุณทำความสะอาดใบหน้าให้หมดจดเสียก่อนแล้วซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนูนุ่ๆ จากนั้นนำน้ำแข็งยูนิต 1 ก้อนมาลูบไล้บริเวณใบหน้าให้ทั่วจนน้ำแข็งละลายหมดก้อนคุณจึงค่อยล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำเย็นจัดๆ อีกทีหนึ่ง เมื่อจับผิวหน้าดูแล้วคุณจะรู้สึกได้เลยว่าผิวตึงกระชับขึ้นทันที สูตรนี้หากคุณมีความสะดวกก็สามารถทำได้ทุกวันโดยไม่เกิดผลข้างเคียงหรืออันตรายใดๆ แก่ผิวหน้า

สูตรกระชับรูขุมขน
สูตรนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้างที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือรอยแผลเป้นจากการแกะสิวทั้งหลาย สูตรนี้จะช่วยสมานผิวและรูขุมขนให้ตึงกระชับขึ้นจนผิวของคุณเนียนนุ่มและดูสวยขึ้นได้ในเวลาไม่ช้าไม่นาน
ให้คุณใช้น้ำผึ้งประมาณ 1 ช้อนชาผสมกับแตงกวา 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำไปปั่นให้ละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วจึงนำมาพอกให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำเย็นจัดๆ หรือน้ำแช่น้ำแข็ง เพียงเท่านี้หน้าของคุณก็จะเรียบเนียนขึ้นได้

สูตรแก้ปัญหาสิว
สูตรนี้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวประเภทหัวสิวเม็ดใหญ่ๆ ซึ่งเมื่อใช้สูตรนี้แล้วสิวที่คุณเป็นจะค่อยๆ ยุบลงได้เองโดยให้คุณใช้ดินสอพองสัก 1 เม็ดใหญ่ผสมกับน้ำมะนาวสัก 1 ช้อนชาแล้วนำมาแต้มบริเวณสิวที่เป็นอยู่ก่อนเข้านอนแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ ในตอนเช้าให้หมดจด จะสังเกตได้ว่าหัวสิวยุบลงมากและผิวกระจ่างใสขึ้น

Dior เอาอีก !!! ปล่อยของ สมาร์ทโฟนแฟชั่นโอต์ กูตูร์


หลังจากที่เมื่อ 3 ปีก่อน ดิออร์ (Dior) ได้ออกโทรศัพท์มือถือรุ่น Black Diamond ปีนี้  ดิออร์ (Dior) เอาอีก !!!   ปล่อยของ สมาร์ทโฟนแฟชั่นโอต์ กูตูร์ ทัชสกรีน รุ่น “Reveries”    ตอบโจทย์สำหรับสาวๆ ที่ชอบเครื่องประดับ ความหรูหรา อย่างเพชร มุก หรือทองคำขาว  ราคาก็…งั้นๆ  เบาะๆ เบๆ 85,000 ยูโร หรือ 3 ล้าน 6 แสนกว่าบาท   โอ๊ย !!! ขนหน้าแข้งไม่ร่วงสักเส้นหรอก  เหอะๆๆ    
ถ้ารู้สึกว่ามีเพชรแล้วมันไม่หรู ไม่ถูกจริต ดิออร์ (Dior) เค้าก็มีรุ่นที่ไม่มีเพชรประดับ ราคาก็เหลือ $4,700 เท่านั้นเอ๊ง…ตกเป็นเงินไทยก็  1 แสน 4 หมื่นบาทโดยประมาณ  หุหุ   เท่านี้ไม่สะดุ้งกระเป๋าหรอก (T^T)
ภาพประกอบจาก Trendland
เรียบเรียงเนื้อหาโดย Women.mthai Team

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

แฟชั่นสวยแซ่บ 3 อารมณ์ของผู้หญิง 3 สไตล์



RELAXED, OFF-DUTY (WOMAN)
น้ำชา – ชีรณัฐ ยูสานนท์ / SINGER
Profile: ช่วงนี้น้ำชาดูจะแฮ็ปปี้เรื่องงานสุดๆ นอกจากเรตติ้งละครเรื่อง “พิมมาลา” ทางช่อง 3 พุ่งแรงจนทำให้ยิ้มแก้มปริแล้ว หลายคนยังเห็นถึงพัฒนาการด้านงานเพลงที่โตขึ้นของเธอกับอัลบั้มชุดที่ 2 “Lips Me Please” และยังได้รับโอกาสดีๆ เป็นหนึ่งในทีมพากย์การ์ตูนทีวีแอนิเมชั่น 3 มิติ “เบิร์ดแลนด์ แดนมหัศจรรย์” (เป็น “ซอง” เด็กสาวจากเอเชีย ค่อนข้างเงียบ แต่มีเสียงที่ไพเราะมาก) อีกด้วย
SSD Tricks:
ซีซั่นนี้เสื้อคลุมตัวนอกสไตล์เทรนช์โค้ตมาแรง โดยเฉพาะแบบตัวสั้นเข้ารูป แนะนำให้สวมเป็นเลเยอร์ทับเสื้อตัวในเนื้อบางทอลายสุดเซ็กซี่ เน้นหุ่นเพรียวบางและโชว์เรียวขา เมื่อใส่กับกางเกง ยีนขาสั้น ลุคนี้คุมโทนสีเบจสบายตา ทำให้มิกซ์กับเสื้อผ้าและแอ๊กเซสซอรี่ส์ได้สนุกทุกเฉดสี”




INSTANT CHIC (WOMAN)
คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ / ACTRESS
Profile: นางเอกแม่เหล็กอันดับต้นๆ ของช่อง 3 กำลังมีผลงานละครเรื่อง “รักปาฏิหาริย์” คู่กับสมาร์ท – กฤษฎา พรเวโรจน์ และเรื่อง “สามหนุ่มเนื้อทอง” มาเอาใจแฟนคลับให้ได้ปลื้มไปตามๆ กัน แม้งานเยอะแค่ไหน คิมก็ไม่ลืมที่จะหาเวลาเล่นโยคะ พักผ่อนกับครอบครัวรวมถึงอ่านหนังสือหาความรู้ด้วยตัวเองตามสไตล์นักเรียนโฮมสกูลคนเก่ง
SSD Tricks:
แจ๊คเก็ตหนังเข้ารูปคือชิ้นเด่นที่จะสร้างลุคสาวโมเดิร์น จับคู่ได้ทั้งกับกางเกงยีนหรือเดรสสวยๆ สักตัวให้ดูคอนทราสต์ ถ้ายังไม่สะใจ ลองเพิ่มสีสันด้วยลายเสือสีสดทั้งเสื้อยืดตัวใน ผ้าพันคอ และแว่นตากันแดด ตบท้ายด้วยกระเป๋าหนังขนาดย่อมแบบจีบรูด ดูทันสมัย แถมคล่องตัวสุดๆ”



SLEEK ON DUTY (WOMAN)
เกม – ดวงพร ลือกิตินันท์ / BUSINESS WOMAN
Profile: นอกจากทำหน้าที่ศรีภรรยาของซุป’ตาร์ตลอดกาลอย่างมอส – ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ แล้วเกมยังขะมักเขม้นกับการเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตระเวนหาซื้อที่ดินแถบจังหวัดชลบุรีมาทำแผนธุรกิจก่อนคลอดเป็นโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ฯลฯ ซึ่งเสร็จสิ้นไปแล้ว 3 โครงการด้วยฝีมือการบริหารจัดการของเธอ
SSD Tricks:
เสื้อคลุมตัวนอกสีดำตกแต่งเลื่อมให้ดูหรูนิดๆ นับเป็นชิ้นเด็ดที่สาวๆ ควรมีติดตู้ไว้ เพราะหยิบมาใส่ให้เก๋ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนแบบไม่มีตกยุค ยิ่งนำมาจับคู่กับเดรสสีขาวเก๋ๆ ยิ่งเข้าคอนเซ็ปต์เวิร์คกิ้งวูแมนสุดเนี้ยบ”

readmore…SELECTED ITEM   สุดสัปดาห์  No.686 (1 SEPTEMBER 2011)

ความแตกต่างของโฟมล้างหน้าแบบมีฟอง และไม่มีฟอง

พบว่าในวันหนึ่งๆ เราต้องล้างหน้าอย่างน้อยวันละ ครั้งทุกเช้าเย็น เท่ากับว่าใน ปี เราต้องล้างหน้าถึง 365x2 = 730 ครั้ง ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวจึงควรล้างออกได้อย่างหมดจด เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะสาวๆ บางคนประสบปัญหาดูแลผิวหน้าได้ดีเท่าไหร่ แต่ใบหน้าก็ยังคงเป็นสิว และทิ้งริ้วรอยให้รำคาญใจ วันนี้เราจึงขอนำเสนอความแตกต่างระหว่างโฟมมีฟองกับโฟมไม่มีฟองมาให้สาวๆ ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นคะ
1. โฟมล้างหน้าประเภทมีฟอง สารที่ให้ฟองมาก มักจะเป็นสารทำความสะอาดที่มีประจุไฟฟ้าเป็นประจุลบ (Anionic surfactant)ซึ่งหลังจากใช้ล้างหน้าแล้วมักจะมีผิวแห้งตึง ยิ่งถ้าคุณล้างหน้าบ่อยๆ จะยิ่งมีผิวหน้าแห้งตึงมากยิ่งขึ้น สารในกลุ่มนี้คือ โซเดียม ลอริล ซีลเฟต (sodium lauryl sulfate หรือ SLS) ซึ่งมักจะก่อให้เกิดผื่นระคายสัมผัสได้บ่อยๆ (Irritant contact dermatitis)
นอกจากนี้ สารที่มีประจุเป็นลบ จะจับกับประจุบวกบนผิวหน้าทำให้เกิดสารตกค้าง บนผิวหน้าได้ง่าย ยิ่งนานวันเข้าก็จะยิ่งสะสมมากขึ้น ก่อให้เกิดการอุดตันบริเวณต่อมรูขุมขน ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ง่าย ที่เราเรียก "โคมีโดน" (Comedone)
2. โฟมล้างหน้าประเภทไม่มีฟอง สารที่ใช้ทำความสะอาดผิวหน้าจะเป็นชนิดที่ไม่มีประจุไฟฟ้า (Nonionic surfactant) พวกครีมโฟมล้างหน้าที่ไม่มีฟองนี้ เมื่อนำมาใช้ล้างหน้าจะมีข้อดีคือ ชำระล้างออกด้วยน้ำได้ง่าย เนื่องจากไม่มีประจุไฟฟ้านั่นเอง จึงไม่ทิ้งสารตกค้างบนผิวหน้า ไม่มีการสะสมที่ผิวหน้า ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ดังนั้นจึงไม่มีสิวอุดตันเกิดขึ้น เมื่อใช้โฟมไม่มีฟองล้างหน้า ผิวหน้าจึงดูสดใส ไร้ริ้วรอย และไม่แห้งตึงหลังการล้างหน้า
เพราะเหตุนี้เวลาไปพบแพทย์ เพื่อดูแลปัญหาเรื่องสิวบนใบหน้า แพทย์จึงมักแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าชนิดไม่มีฟองคะ ซึ่งหากใช้อย่างสม่ำเสมอติดต่อกัน ผิวหน้าจะปรับสู่สภาพที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีค่ากรด-ด่าง (pH) ในระดับที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติคะ อย่างเช่น โฟมล้างหน้าไม่มีฟองจากแบรนด์ Smooth E เป็นต้นคะ 

ผมสวยด้วยแชมพูไข่

ผมสวยด้วยแชมพูไข่
ถ้าผมแห้งมาก ใช้ไข่ 1 ฟอง เลือกเอาเฉพาะไข่แดง ตีให้ละเอียดผสมน้ำอุ่นเล็กน้อย หลังจากสระผมนำมาหมักให้ทั่วเส้นผม โดยทิ้งไว้ 10 นาที จึงล้างออก จะทำให้เส้นผมนุ่มสลวย ไม่หยาบมือ
           ทรีทเม้นท์ไข่และแตงกวา
นำไข่ (ใช้ทั้งไข่ขาวและไข่แดง) ตีให้เข้ากัน เติมน้ำมันมะกอกลงไปในปริมาณที่ใกล้เคึยงกัน นำมาผสมกับแตงกวาซึ่งปั่นจนละเอียด (ใช้ 1/4 ลูก) พอกให้ทั่วเส้นผมประมาณ 10 นาที ทำเพียงเดือนละครั้ง ช่วยบำรุงผมให้นิ่มสลวย เหมาะกับผมที่แห้งกรอบจากความร้อน
           ครีมนวดผมสูตรน้ำผึ้ง
น้ำผึ้ง 1/2 ถ้วย น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย ถ้าผมไม่แห้งนักใช้เพียง 2 ช้อนโต๊ะก็พอค่ะ ผสมน้ำผึ้งกับน้ำมันมะกอกให้เข้ากัน นำมาหมักให้ทั่วเส้นผม ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นสระผมให้สะอาดอีกครั้งค่ะ เหมาะกับคนที่ผมแห้ง จนเสียสวยค่ะ
           ผิวเรียบเนียนด้วยกาแฟบด
ก็บรรดา ครีมขจัดเซลลูไลต์ ที่ราคาแสนแพงน่ะ มีคาเฟอีนอยู่ด้วย ซึ่งช่วยกระตุ้นการขจัดเซลล์ไขมันและยังขัดผิวให้เรียบเนียน แต่อาจจะดูยุ่งยากกว่าการใช้ครีมกระปุกอยู่บ้าง จึงควรทำในห้องน้ำ และก่อนที่จะลงมือขัดผิวด้วยกาแฟอย่าลืมปูพื้นห้องน้ำด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ เพื่อป้องกันท่อน้ำตันค่ะสูตรนี้ใช้กับผิวกายนะคะ ห้ามใช้กับผิวหน้าค่ะและในระหว่างที่ขัดผิว หากมีนวดไปด้วย จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้นได้ค่ะ

สูตรพิฆาตสิวเสี้ยน

   สูตรพิฆาตสิวเสี้ยน
นำไข่ขาว มาทาบาง ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน แล้วใช้กระดาษทิชชูหรือกระดาษซับหน้าแค่ชั้นเดียว วางทับลงไป รอให้แห้ง แล้วค่อย ๆ ดึงกระดาษออก โดยดึงจากมุมด้านล่าง สิ้วเสี้ยนที่เคยเป็นเสี้ยนหนามตำใจจะหลุดออกมาอย่างง่ายดายค่ะ
          เคลนเซอร์สำหรับทุกสภาพผิว
โยเกิร์ต 1/2 ถ้วยน้ำมันดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะน้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ (คั้นสด ๆ นะคะ)นำส่วนผสมทั้งหมด มาผสมให้เข้ากัน พอกให้ทั่วหน้าทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอีกด้วย


สูตรขจัดสิวหัวดำ

 สูตรขจัดสิวหัวดำ--mouse beens--
นำมะเขือเทศสดมาปั่นรวมกับข้าวโอ๊ตให้เข้ากัน แล้วผสมน้ำผึ้งสักเล็กน้อยนำมาทา บนใบหน้าให้ทั่ว เน้นเป็นพิเศษบริเวณที่มีสิวหัวดำ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น
          มาร์คพอกหน้าสูตรใบเตย
นำใบเตย4-5 ใบมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำไปปั่นรวมกับไข่ไก่ 2ช้อนโต๊ะจะได้มาร์คพอกหน้าเป็นครีมข้นๆ หอมกลิ่นใบเตย พอกหน้าไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างหน้าตามปกติ
         ถนอมผิวหน้าด้วยโยเกิร์ต
ล้างหน้าให้สะอาด ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู แล้วใช้มือแตะโยเกิร์ต(ให้ใช้ชนิดที่ไม่ผสมเนื้อผลไม้) มาพอกให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบปากและดวงตา นวดและคลีงเบาๆ พอกไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก หมั่นทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ผิวจะเปล่งปลั่งสดใสอมชมพูทีเดียวค่ะ
         ครีมพอกหน้าสำหรับสาวผิวมันและผิวผสม
ให้ใช้แตงกวา1 ผล ไขไก่ 1 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่ขาว) และมะนาว 1 เสี้ยว หั่นแตงกวาเป็นแว่นบางๆ นำไปปั่นพร้อมกับไข่ขาวและบีบน้ำมะนาวลงไป ปั่นจนละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตาไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยสมานผิวหน้า กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน เต่งตึง และนวลนุ่มชุมชื่น
          เพื่อเรียวขาสวย
ก่อนนอน นำมะนาวเปรี้ยวๆสักหนึ่งเสี้ยว บีบลงในดินสอพองพอหมาด ทาให้ทั่วขา ทิ้งไว้สักหนึ่งคืน รุ่งเช้าค่อยล้างออก แม้จะไม่ทำให้ขาเนียนขึ้นทันตาเห็น แต่หากทำเป็นประจำ ยืนยันว่าได้ผลค่ะ
          ลบรอยกระด่างดำบนใบหน้าด้วยมะละกอสุก
นำมะละกอสุกมายีให้ละเอียด พอกหน้า ทิ้งไว้ สัก 10 นาที แล้วจึงล้างออก จะช่วยให้ ใบหน้าที่มีรอยด่างดำดูดีขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

วิธีแก้กลิ่นตัวเหม็น

ใครที่รู้ตัวว่ามี กลิ่นตัว แรง และยังไม่ทราบวิธีแก้ วันนี้เกร็ดความรู้มีมาบอกกัน…
กลิ่นตัว เกิดจากเหงื่อ ที่มีการหมักหมมจนทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นที่มาของการเกิดกลิ่นตัวที่เหม็น หรือ ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ หรือน้ำหนักตัวที่มากเกินไป
วิธีแก้ คือ ถ้าหากเป็นคนอ้วน ควรเร่ง ลดไขมัน ส่วนเกิน ออกเสียก่อน แล้วดูว่ากลิ่นตัวที่เหม็นนั้นน้อยลงหรือไม่ ถ้าไม่น้อยลงนั้น แสดงว่ากลิ่นตัวนี้เกิดจากกรรมพันธุ์ วิธีแก้ คือ พยายามรักษาความสะอาดของร่างกาย หากมีเหงื่อออกมาก ๆ ไม่ควรหมักหมมเอาไว้ ให้หาน้ำหอมมาพ่นฉีดตามร่างกาย เพื่อเป็นการดับกลิ่น
ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้ จะได้ไม่มีกลิ่นตัวอีกต่อไป

ประโยชน์ของ คอลลาเจน

คอลลาเจน มีส่วนช่วยในการป้องกันอวัยวะในร่างกาย และเชื่อมอวัยวะต่างๆ ให้อยู่ด้วยกัน ช่วยให้โครงสร้างของร่างกายแข็งแรง และยืดหยุ่นดี ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ขยับเคลื่อนไหวไปมาไม่ติดขัด โดยเฉพาะข้อต่อในการรับน้ำหนักและขยับเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ เช่นเดินหรือวิ่ง เป็นต้น นอกจากนี้คอลลาเจนยังเป็นตัวช่วยให้ผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น เสริมความเรียบตึงให้กับผิวหนัง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระชับ โดยทำงานคู่กับโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่ชื่อ “ อิลาสติน ” ( Elastin ) ในขณะที่ คอลลาเจน มีหน้าที่เสมือนโครงร่างผิว อีลาสติน ก็ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นแก่ผิว ควบคู่กันไปด้วย
ร่าง กายของคนเรานั้นจะมี คอลลาเจน หนาแน่นในวัยเด็ก และจะค่อยๆ เสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา จึงเห็นได้ว่าเมื่ออายุมากขึ้น เส้นใยคอลลาเจน เหล่านนี้จะเสื่อมสลาย ทำให้ชั้นผิวหนังยุบตัวลงอันเป็นสาเหตุของความเหี่ยวย่นและริ้วรอย รวมถึงการเกิดปัญหาข้อเสื่อม กระดูกเสื่อม อันเนื่องมาจาก คอลลาเจน ใน กระดูก ลดลง ทำให้ กระดูก ไม่สามารถรับน้ำหนักได้ ขาดความยืดหยุ่น เปราะหักง่าย เป็นต้น โดยพบว่าคนที่มีอายุ 25 ขึ้นไป จะมีปริมาณ คอลลาเจน ลดลงทุกปี ปีละ 1.5% อย่างไรก็ตาม เราสามารถเสริมสร้าง คอลลาเจน ให้ร่างกายได้ ด้วยการฉีด คอลลาเจน เข้าใต้ชั้นผิวหนังแท้ และอีกวิธีที่ง่ายและสะดวกคือ
การรับประทาน คอลลาเจน เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของชั้นผิวหนังและเพื่อเสริมให้กระดูกแข็ง แรง ควรรับประทาน คลอลาเจน และ แคลเซียม เสริมจะช่วยป้องกัน ภาวะกระดูกพรุน ได้

วิตามิน Q โคเอ็นไซม์คิว-10

วิตามิน Q คืออะไร ? สำหรับร่างกายมี ประโยชน์หรือไม่? คุณจะหารับประทานได้ จากที่ไหน ?
ปัจจุบัน วงการแพทย์รุ่นใหม่และนัก วิทยาศาสตร์ชั้นนำให้ความสำคัญกับวิตามิน ตัวใหม่หรือ วิตามิน Q สามารถป้องกัน รักษาโรคหัวใจและช่วยชะลอความชราได้ คุณก็คงอยากรู้ว่าวิตามิน Q มีสรรพคุณ อย่างไร และมีประโยชน์อย่างไร ก็ต้องลอง อ่านกันนะคะจะได้รู้ว่า วิตามิน Q คืออะไร

สารานุกรม วิตามินและเกลือแร่ ได้ กล่าวถึงวิตามิน Q ไว้ว่า โคเอ็นไซม์คิว-10 (หมายถึงวิตามิน Q) เป็นส่วนหนึ่งของระบบ การทำงานเพื่อส่งผ่านอิเล็กตรอนให้ไหล ตลอดไมโตคอนเดรียในเซลล์ของขบวนการ สร้างพลํงงานของสิ่งมีชีวิตจึงเป็นสารสำคัญ ยิ่งทางชีวเคมีมีการค้นพบความสัมพันธ์ ระหว่างโคเอ็นไซม์ คิว 10 และวิตามิน อี ซึ่งตามความจริงทั้งสองทำหน้าที่แตกต่างกัน มาก อาจพบภาวะขาดโคเอ็นไซม์คิว 10 ได้ ในคนทั่วไป
การศึกษาเบื้องต้น บ่งชี้ว่า โคเอ็นไซม์คิว 10 อาจมีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรค รวมถึงการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่สิ่งที่น่าสนใจ ที่สุดในช่วงเวลานี้ คือ ผลกระทบต่อระบบ เลือดและหัวใจ การศึกษาบางชิ้นตรวจพบว่า โค เอ็นไซม์คิว 10 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการ ทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจและลดปัญหา การอุดตันในเส้นเลือด ที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ นักวิทยาศาสตร์บางท่านได้ทำการวิจัยถึง การทำงานของวิตามิน Q ว่ามีการทำงาน อย่างไร
ผลการวิจัยพบว่า วิตามิน Q ทำตัวเป็น สารต้านอนุมูลอิสระคล้ายวิตามินอี โดยจะ ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้โมเลกุลของไขมันถูก ทำลายเสียสภาพ จึงช่วยรักษาผนังเซลล์ให้ คงสภาพอยู่ได้
นักวิทยาศาสตร์บางท่านได้ แสดงให้เห็น ว่า วิตามิน Q ออกฤทธิ์ในอวัยวะของเซลล์ ส่วนที่เรียก ไมโตคอนเดรีย ซึ่งเป็นเสมือน โรงงานผลิตพลังงานที่สำคัญสำหรับเซลล์ ทำหน้าที่สันดาปโดยให้ออกซิเจนด้วยขบวน การที่เรียก ไบโออีเนลไจ ติคส์
หากมนุษย์เราขาดวิตามิน Q พลังงาน ในร่างกายจะขาดหายไปถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเราจะพบวิตามิน Q มากในเซลล์กล้าม เนื้อหัวใจ เพราะหัวใจต้องใช้พลังงานมาก
ชีวิตสมัย ใหม่ในโลกปัจจุบันทำให้ ร่างกายขาดการออกกำลังกายและการ พักผ่อนอย่างเพียงพอ ทำให้หลอดเลือด แคบลงและขาดความยืดหยุ่น ทำให้หัวใจ ต้องทำงานหนักมากขึ้นจนกล้ามเนื้อหัวใจโต ต้องการอาหารและพลังงานมากขึ้นกว่าเดิม แต่ขณะเดียวกันขณะที่หัวใจต้องการอาหาร และพลังงานมากขึ้น เส้นเลือดที่ไปเลี้ยง หัวใจกลับตีบตัน เพราะคอเลสเตอรอลจาก การบริโภคอาหารพวกฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำ
เส้นเลือดโคโรนารีที่เป็นสาย ธารของ หัวใจ เมื่อมีก้อนคอเลสเตอรอลไปอุดตันทำ ให้หัวใจทำงานได้ไม่เต็มที่ กล้ามเนื้อหัวใจ อ่อนแรงหรือตายบางส่วน เกิดอาการปวดที่ หัวใจอย่างรุนแรงจนถึงตายก็มี เรียกว่า ” โรคหัวใจ ” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน
การที่มีไขมันมาสะสมมากๆ ที่ผนังด้าน ในหลอดเลือดเสียความยืดหยุ่นเกิดโรคที่ เรียกว่า ” เส้นเลือดแข็ง ” ( อาเธอโรสเคลอโร ซิส )อาการของโรคหัวใจ ในตอนแรกจะดำเนิน ไปอย่างเงียบกริบเพราะเป็นช่วงที่ไขมันและ คอเลสเตอรอล ค่อยๆ เกาะและสะสมช้าๆ บน ผนังเส้นเลือด เมื่อเวลาผ่านไปก้อนไขมันเริ่ม มีขนาดโตขึ้นๆ ส่งผลให้ช่องว่างในหลอด เลือดเล็กลง เส้นเลือดเกิดอาการตีบตันเป็น จุดและเส้นเลือดเริ่มแข็งตัว บางครั้งระหว่าง ที่เหตุการณ์นี้กำลังดำเนิน อยู่ๆคุณอาจรู้สึก ได้ด้วยการปวดร้าวบริเวณหน้าอก เรียกว่า ” ปวดหัวใจแองไจน่า ” หรืออาจจะไม่ส่ง สัญญาณเตือนเลยก็ได้ จนถึงวันที่ก้อนไขมัน หลุดจากเส้นเลือดใหญ่ๆ สักเส้นเข้าไปจุกใน เส้นเลือดโคโรนารี ขัดขวางการส่งเลือดไป เลี้ยงหัวใจชีวิต คุณก็จะมอดม้วยมรณาทันที
วิตามิน Q สามารถแก้ปัญหาเส้นเลือด แข็งที่เป็นต้นตอของสาเหตุกล่าวคือ วิตามิน Q ช่วยยับยั้งไม่ให้ คอเลสเตอรอล จับตัวเป็น ก้อนแข็งในเส้นเลือด ซึ่งวิตามินอีและเบต้า แคโรทีนไม่สามารถเทียบได้ นี่เป็นผลการ ศึกษาของบาลซ์ไฟร์แห่งมหาวิทยาลัยบอสตัน
วิตามิน Q ป้องกันสมองเสื่อม
คุณก็คงเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับ โรคสมองเสื่อม หรือ โรคอัลไซเมอร์ มาบ้างแล้วจากหน้า หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และวิทยุ ก่อนอื่นเรา มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการของโรค อัลไซเมอร์ กันดีกว่าค่ะ อัลไซเมอร์เป็นกลุ่ม อาการเสื่อมของสมองที่เกิดในคนชรา หรือ คนวัย 40 ปีขึ้นไป พบในหญิงมากกว่าชาย ประกอบด้วยอาการความจำเสื่อม โดย เฉพาะกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ จำได้ แต่เรื่องเก่าๆ มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม กลายเป็นคนไม่เรียบร้อย ไม่สะอาด แต่งกาย ลวกๆ พูดรัวไม่เป็นคำ อาจกลายเป็นคน อารมณ์ร้ายหรืออิ่มเอมเกินปกติ บางครั้งเกิด อาการหลงเวลาหลงสถานที่ ผู้ป่วยอาจ กลายเป็นคนขี้เซา นอนยาว ที่แย่ที่สุดคือ เกิดอาการชักตัวสั่นเป็นอัมพฤษ์ ซึ่งไม่รู้ สาเหตุของโรคแต่คาดเดาว่าเซลล์สมอง เกิดอาการเสื่อมถอยเพราะถูกทำลายจาก อะไรบางอย่าง
นักวิทยาศาสตร์หลายคน เช่น ดร. เดนแฮม ฮาร์แมน แห่งมหาวิทยาลัย เนบราสก้า เชื่อว่าวิตามิน Q มีส่วนช่วยใน การป้องกันโรคชราที่เรียกกันว่า “อัลไซเมอร์” หรือสมองเสื่อมได้ โดยวิตามินจะปกป้อง ไมโตคอนเดรียให้พ้นจากการโจมตีของอนุมูล อิสระเจ้าตัวร้ายที่คอยบั่นทอนอายุมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
มี เพียงวิตามิน Q และสารอีกไม่กี่ตัวที่ สามารถซึมซาบเข้าไปถึงอวัยวะส่วนไมโต คอนเดรีย และคอยปกป้องเตาเผาพลังงานที่ สำคัญที่สุดของเซลล์ได้
ความ ต้องการวิตามิน Q
เป็นที่ทราบกันดีว่า วิตามินทั้งหลายที่ ร่างกายต้องการนั้น มีอยู่ครบถ้วนแล้วใน อาหารของมนุษย์ แต่ในชีวิตประจำวันที่เร่ง ด่วน คนจำนวนไม่น้อยที่ขาดวิตามินด้วย เหตุหลายประการเช่น – การเลือกรับประทานอาหาร ไม่รับ ประทานผัก ผลไม้ รับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ – อาหารขาดคุณภาพ เช่น อาหาร ฟาสต์ฟู้ดที่คนในเมืองมักจะรับประทานกัน เป็นประจำเพราะต้องแข่งกับเวลา ซึ่งเป็น อาหารที่ใช้วัตถุดิบขาดคุณภาพ เช่น ข้าวขัด ขาว – การปรุงอาหารผิดหลักโภชนาการ วิตามินเมื่อถูกความร้อนสูงจะสลายหมด เช่น ถ้าเรานำเอาน้ำผลไม้ต้มเดือด วิตามินซี จะสลายตัวพืชผักที่เก็บไว้นานๆ จะทำให้ เสียวิตามินได้
- การดูดซึมวิตามินผ่านลำไส้เสีย ประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นโรคบางชนิด เช่น ท้องเสีย หรือรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาระบายราฟิน เราพบว่าร่างกายผลิตวิตามิน Q ได้ น้อยลงหลังวัย 20 ปี กว่าๆ และเมื่อถึงวัย กลางคน เรามักจะขาดวิตามิน Q กันทั้งนั้น จึงไม่แปลกที่วัยนี้จะเป็นโรคหัวใจกันมาก ยัง ไม่เป็นที่รู้แน่ชัดว่า ร่างกายคนเราต้องการ วิตามิน Q วันละเท่าไรแน่ แต่รู้ว่าถ้าขาด วิตามิน Q จะทำให้แก่เร็ว ชีวิตสั้น
วิตามิน Q มีในอาหารประเภทไหนบ้าง
วิตามิน Q มีในน้ำมันปลา ปลาทะเลลึก เช่น ปลาซาร์ดีน (ซึ่งก็คือปลากระป๋องนี่เอง) อาหารทะเล เครื่องในสัตว์เฉพาะส่วนหัวใจ ตับและเซ่งจี๊ (คือกระเพาะปัสสาวะของหมู) ถั่วลิสง และน้ำมันถั่วเหลือง แต่อาจมี ปริมาณไม่มากนัก การรับประทานอาหาร อุดมด้วยวิตามินอีหรือซิลิเนียม สามารถ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างวิตามิน Q ขึ้นในร่างกายได้
ขนาดมาตรฐานของการบริโภควิตามิน Q คือ 30 มก. /วัน (โดยเฉพาะคนอายุเกิน 50 จำเป็นมาก เพราะคนวัยนี้ร่างกายแทบ เลิกสร้างวิตามิน Q แล้ว จำต้องได้รับจาก ภายนอก) สำหรับคนที่มีอาการโรคชรา ควร รับประทานวิตามิน Q ในขนาด 50-100 มก./วัน เพื่อผลการรักษา
การรับประทานอาหารที่มีวิตามิน Q อย่างเดียวไม่พอ ต้องหาเวลาในการออก กำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออก กำลังกายช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลด ความดันและอื่นๆ ได้สารพัด
จิต ใจผ่องใส การทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่ เสมอ ไม่เครียด จะช่วยลดความเสี่ยงต่อ โรคหัวใจได้ เพราะความเครียด และความ วิตกกังวลทุกชนิด ล้วนไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ จิตและสุขภาพกาย
หลีกเลี่ยง เหล้าและบุหรี่ บุหรี่นอกจาก จะทำให้เกิดมะเร็งในปอดอย่างที่รู้กันอยู่แล้ว การสูบบุหรี่เป็นความเสี่ยงต่อโรคหัวใจอย่าง สูง และถ้าหากว่าเลิกบุหรี่นานถึง 10 ปี สุขภาพจะกลับคืนมาเท่าคนที่ไม่สูบบุหรี่
ระดับคอเลสเตอรอล นักวิจัยค้นพบ ว่าระดับ คอเลสเตอรอล ในกระแสเลือดมีความ สัมพันธ์กับโรคหัวใจ คนที่มี คอเลสเตอรอล ใน กระแสเลือดเกิน 265 มิลลิกรัม/เลือดหนึ่งเดซิ ลิตร จะเสี่ยงต่อโรคหัวใจเป็น 4 เท่าของคนที่ มีระดับ คอเลสเตอรอล ต่ำกว่า 19 มิลลิกรัม/เลือดหนึ่งเดซิลิตร
ไม่มี วิตามินตัวใดที่จะดูแลสุขภาพได้ แบบโดดๆ แต่มักจะมีการปฏิบัติหรือการรับประทานอาหารอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย ในการที่ จะทำให้คุณแข็งแรงปราศจากโรคภัยทุกชนิด ได้ ร่างกายของคุณต้องการการดูแลเอา ใจใส่อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องและจริงจัง
ที่มา : จาก…นิตยสาร RIC

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

บำรุงเล็บด้วยมะนาว

 
 
การดูแลสุขภาพนั้น ต้องดูแลทุกส่วนของร่างกาย ในตอนนี้มาแนะนำถึงการดูแลเล็บมือและเท้ากัน นอกจากการเข้าร้านเสริมสวนให้ช่างตัดเล็บตัดหนัง ทาสีเล็บให้สวยกันแล้ว การบำรุงเล็บที่แท้จริงคือให้วิตามินกับเล็บเพื่อให้เล็บมีความแข็งแรงไม่แตกหักง่าย และมีความเงางามแม้ไม่ได้ทาสีเคลือบเล็บ มาเริ่ม เคล็ดลับความสวย บำรุงเล็บด้วยมะนาว กันเลยดีกว่า

เตรียมน้ำอุ่นใส่อ่างเล็กๆ แช่เท้าในอ่างประมาณ 2-3 นาที แล้วซับเท้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนู จากนั้นนำมะนาวสักครึ่งผล ไม่ต้องบีบน้ำออกนะคะ แล้วใช้มะนาวถูให้ทั่วทั้งเล็บและนิ้ว ถูไปเรื่อยๆจนทั่ว ถึงแม้น้ำมะนาวหมดแล้วก็ขัดถูต่อไปเรื่อยๆสักพัก แล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นกับสบู่จนสะอาด ซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนู

เคล็ดลับความสวย ด้วยมะนาวนี้ควรทำทุกอาทิตย์ เพื่อบำรุงเล็บให้มีสุขภาพดี แต่ไม่ควรทำในช่วงที่เล็บหรือนิ้วมีบาดแผล เพราะจะทำให้เกิดการแสบจากฤทธิ์ของน้ำมะนาวได้

ขัดหน้าด้วยรำข้าว

 
 
การขัดหน้าเป็นประจำสม่ำเสมอ จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป จะช่วยให้ใบหน้าของเราแลดูผุดผ่อง เกลี้ยงเกลา ขาวใสนวลเนียน เคล็ดลับความสวย ขัดหน้าด้วยรำข้าว ในตอนนี้ถ้าทำเป็นประจำแล้ว จะช่วยขจัดรอยด่างดำ ไฝและฝ้าต่างๆด้วย มาเริ่มลงมือทำกันเลยดีกว่า

* ขั้นตอนแรก เตรียมรำข้าวละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ นมเปรี้ยว 3 ช้อนโต๊ะ เกลือทะเล 1/2 ช้อนโต๊ะ ถ้วย ช้อน และที่คาดผมหรือหมวกคลุมผมสำหรับอาบน้ำ

* ขั้นตอนที่สอง ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นกับสบู่หรือโฟมล้างหน้า แล้วซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนู เก็บผมให้เรียบร้อยโดยใช้ที่คาดผมหรือหมวกคลุมผม

* ขั้นตอนที่สาม นำรำข้าวผสมกับเกลือทะเลใส่ในถ้วยที่เตรียมไว้ แล้วเติมนมเปรี้ยวลงไป ใช้ช้อนคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน แต่อย่าให้เหลวเกินไป ควรเป็นเนื้อครีมที่ค่อนข้างข้นและเหนียวพอสมควร

* ขั้นตอนสุดท้าย ใช้ปลายนิ้วแตะครีมรำข้าวที่เราผสมไว้ ทาไล่จากหน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง จมูกและคางให้ทั่ว โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก ระหว่างที่ทาให้ทั่วใบหน้านั้น ก็ใช้ปลายนิ้วของเรากดนวดใบหน้าของเราไปด้วย เมื่อทาจนครีมหมดแล้ว ก็ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที โดยห้ามเคลื่อนไหวใบหน้าโดยเด็ดขาด เมื่อครบเวลาที่กำหนดแล้ว ก็ล้างหน้าออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นกับสบู่หรือโฟมล้างหน้า เป็นอันเสร็จขั้นตอน

เคล็ดลับความสวย ด้วยรำข้าวนี้ ควรทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ จะได้ผลที่ดี แต่ถ้าผิวมีบาดแผล ก็ควรงดทำไปก่อน เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบหรือการปวดแสบได้

ขจัดริ้วรอยด้วยมะม่วงสุก

 
 
มะม่วงสุกนอกจากนำมารับประทานแล้ว ยังมีประโยชน์ช่วยรักษาบำรุงผิวหน้า ช่วยทำให้ริ้วรอยเหี่ยวย่น กระฝ้า จุดด่างดำต่างๆนั้น จะค่อยๆจางลงจนเลือนหายไปในที่สุด และช่วยให้ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้าน ปราศจากร่องรอย เรามาลอง เคล็ดลับความสวย ด้วยมะม่วงสุกกันดีกว่า

* ขั้นตอนแรก เตรียมมะม่วงสุก 1 ผล มีด เครื่องปั่นหรือส้อม และที่คาดผมหรือหมวกคลุมผมสำหรับอาบน้ำ

* ขั้นตอนที่สอง ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นกับสบู่หรือโฟมล้างหน้า แล้วใช้ผ้าขนหนูซับให้แห้ง เก็บผมให้เรียบร้อยด้วยที่คาดผมหรือหมวกคลุมผม

* ขั้นตอนที่สาม นำผลมะม่วงสุกมาล้างให้สะอาด แล้วใช้มีดปอกเปลือกแล้วหั่นมะม่วงเป็นชิ้นบางๆ ส่วนเม็ดจะกินหรือทิ้งก็แล้วแต่ ใช้ส้อมยีหรือเครื่องปั่น แต่ไม่ต้องให้ละเอียดมากเกินไป ควรให้มีเนื้อหยาบๆของมะม่วงอยู่ด้วย

* ขั้นตอนสุดท้าย ใช้นิ้วแตะมะม่วงที่เตรียมไว้ นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก เมื่อพอกจนหมดเนื้อมะม่วงที่เตรียมไว้ ก็ทิ้งไว้ประมาณ 25-30 นาที โดยห้ามเคลื่อนไหวใบหน้าเด็ดขาด เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว ทำความสะอาดใบหน้าด้วยน้ำอุ่นกับสบู่หรือโฟมล้างหน้า เป็นอันเสร็จขั้นตอน

เคล็ดลับความสวย ด้วยผลมะม่วงสุกนี้ ควรทำเป็นประจำทุกๆ 5 วัน เพื่อใบหน้าที่สดใสเต่งตึง

เคล็ดลับความสวย บำรุงด้วยว่านหางจระเข้หลังโดนแดด

 
 
เรามักจะมีปัญหาสภาพผิวหลังจากโดนแดดมากเกินควร อาจจะเกิดจากการทำงาน เล่นกีฬา ออกกำลังกายหรือไปเที่ยวทะเล ทำให้เรารู้สึกผิวหน้าของเราไหม้หรือรู้สึกแสบๆตึงๆ แล้วล่ะก็ คุณควรหาทางบำรุงรักษาอย่างเร่งด่วนในทันที ก่อนจะเกิดไฝ ฝ้า กระและจุดด่างดำต่างๆ เคล็ดลับความสวย ในตอนนี้ เราจะใช้ว่านหางจระเข้เพื่อรักษา หรือจะถนอมบำรุงก่อนออกแดดเพื่อป้องกันไว้ก่อน เพื่อใบหน้าที่สดใสสดชื่น ไร้รอยใดๆบนใบหน้า มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

* ขั้นตอนแรก เตรียมว่านหางจระเข้ มีด เครื่องปั่นหรือส้อม ถ้วย ที่คาดผมหรือหมวกคลุมผมสำหรับอาบน้ำ เวลาไปตัดว่านหางจระเข้ ให้เราเอากระดาษทิชชูแปะไว้ตรงรอยถูกเฉือนด้วย

* ขั้นตอนที่สอง ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นกับสบู่หรือโฟมล้างหน้า แล้วซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนู เก็บผมให้เรียบร้อยโดยใช้ที่คาดผมหรือหมวกคลุมผม

* ขั้นตอนที่สาม นำว่านหางจระเข้มาตัดเป็นท่อนสั้นๆ แล้วปอกเปลือกออกให้เหลือแต่วุ้นที่อยู่ข้างใน แล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด ต่อจากนั้นนำวุ้นที่ได้ไปปั่นหรือใส่ถ้วยแล้วเอาส้อมยีให้เละพอประมาณ ไม่ต้องถึงกับละเอียด

* ขั้นตอนสุดท้าย ใช้ปลายนิ้วแตะวุ้นที่เตรียมไว้ นำมาทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า โดยเริ่มจากหน้าผาก แก้ม จมูกและคาง เว้นรอบๆดวงตาและริมฝีปาก โดยระหว่างที่ทาไปนั้น ก็ให้ใช้ปลายนิ้วกดนวดคลึงผิวไปด้วย เมื่อทาจนทั่วแล้วปล่อยทิ้งไว้สัก 25-30 นาที ห้ามเคลื่อนไหวใบหน้าโดยเด็ดขาด แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดกับสบู่หรือโฟมล้างหน้า เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

เคล็ดลับความสวย ด้วยว่านหางจระเข้ ควรบำรุงเป็นประจำทุกๆ 2-3 วัน หรือก่อนและหลังออกแดดจัดๆ เพื่อใบหน้าที่ขาวใส ไร้ริ้วรอย

เคล็ดลับความสวย ใบหน้าเนียนขาวใสด้วยสตรอเบอร์รี

 
 
เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน ใบหน้าของเราจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไม่สดใสเหมือนวัยเยาว์ มักจะมีริ้วรอยต่างๆทำให้แลดูแก่กว่าวัย และแม้ในวัยรุ่นวัยหนุ่มสาวบางคน ก็มีไม่น้อยที่มีริ้วรอยจนดูแกกว่าอายุ อาจเกิดจากการได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน พักผ่อนนอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียด หรือการโดนแดดลมบ่อยๆ เคล็ดลับความสวย ในตอนนี้จะใช้สตรอเบอร์รี มาบำรุงผิวหน้าเพื่อให้หลีกไกลจากริ้วรอย ไฝฝ้าและจุดด่างดำบนใบหน้า ทำให้ใบหน้าของคุณแลดูสดชื่น เนียนขาวใสอมชมพู เหมือนวัยแรกรุ่นเลยทีเดียว มาลองทำตามกันเลยดีกว่าค่ะ

* ขั้นตอนแรก เตรียมสตรอเบอร์รีประมาณ 8-10 ผล เครื่องปั่นหรือส้อม ที่คาดผมหรือหมวกคลุมสำหรับอาบน้ำ

* ขั้นตอนที่สอง ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นกับสบู่หรือโฟมล้างหน้า ซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนู เก็บผมให้เรียบร้อยด้วยที่คาดผมหรือหมวกคลุมผมสำหรับอาบน้ำ

* ขั้นตอนที่สาม นำสตรอเบอร์รีที่เตรียมไว้ มาใช้ส้อมยีให้เละ แต่ถ้าจะใช้เครื่องปั่น ก็อย่าปั่นให้ละเอียดจนเกินไป

* ขั้นตอนสุดท้าย พอกใบหน้าด้วยสตรอเบอร์รีที่เตรียมไว้ให้ทั่ว โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้นานประมาณ 25-30 นาที ห้ามเคลื่อนไหวใบหน้าเด็ดขาด เมื่อได้เวลาแล้วให้ทำความสะอาดใบหน้าด้วยน้ำอุ่นกับสบู่หรือโฟมล้างหน้า เป็นอันเสร็จขั้นตอนค่ะ

เคล็ดลับความสวย ด้วยสตรอเบอร์รี ควรทำเป็นประจำทุกๆ 2-3 วัน เพื่อใบหน้าเนียนขาวใสอมชมพู

เคล็ดลับความสวย ดูแลผิวหน้ามันด้วยสับปะรด

 
 
 
ผิวหน้ามันเป็นผิวพรรณที่มีปัญหา สำหรับผู้หญิง การแต่งหน้าจะทำได้ยากบนใบหน้าที่มัน และแม้แต่งหน้าไปแล้วก็จะสวยได้ไม่นานก็มันเยิ้มขึ้นมาอีก สำหรับผู้ชาย ก็ทำให้เสียบุคคลิก หมดเสน่ห์ไม่น่ามอง และใบหน้ามันก็เป็นบ่อเกิดของสิวอีกด้วย การล้างหน้าบ่อยๆในระหว่างวันก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ทางที่ดีที่สุดคือการดูแลรักษาผิวหน้าเป็นประจำ เคล็ดลับความสวย ในตอนนี้จะลดความมันบนผิวหน้าด้วยสับปะรด แถมใบหน้าจะสะอาดเกลี้ยงเกลาสดใส ไร้สิวและริ้วรอย มาลองทำกันดีกว่าค่ะ

* ขั้นตอนแรก เตรียมสับปะรดเปรี้ยว 1/4 ผล มีด ส้อม ถ้วย และที่คาดผมหรือหมวกคลุมผมสำหรับอาบน้ำ

* ขั้นตอนที่สอง ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นกับสบู่หรือโฟมล้างหน้า ซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนู แล้วเก็บผมให้เรียบร้อยด้วยที่คาดผมหรือหมวกคลุมผมสำหรับอาบน้ำ

* ขั้นตอนที่สาม ล้างสับปะรดที่เตรียมไว้ให้สะอาด สะบัดน้ำออก แล้วนำมีดมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆใส่ในถ้วย แล้วใช้ส้อมยีสับปะรดให้เละ

* ขั้นตอนสุดท้าย พอกสับประรดให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก ทิ้งไว้สัก 25-30 นาที แล้วทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นกับสบู่หรือโฟมล้างหน้า ซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนู เป็นอันเรียบร้อย

เคล็ดลับความสวย ด้วยสับประรดนี้ควรทำเป็นประจำทุกๆ 5 วันจะได้ผลดี แล้วใบหน้าคุณจะสดใสไร้ความมัน

เคล็ดลับความสวย ดูแลข้อศอกและหัวเข่าด้วยน้ำผึ้ง

 
 
 
ข้อศอกและหัวเข่า ต้องได้รับการดูแลตลอด แม้ไม่ใช่ฤดูหนาวก็ตาม เพื่อไม่ให้ผิวพรรณบริเวณนั้นนุ่มนวลไม่แห้งกร้าน โดยเฉพาะในฤดูหนาวหรือคนที่ต้องทำงานในห้องแอร์ตลอด ข้อศอกและหัวเข่านั้นจะดูแห้งกร้านและมีรอยคล้ำจนเห็นได้ชัดกว่าส่วนอื่นๆ เคล็ดลับความสวย ในตอนนี้เรามาดูแลผิวพรรณบริเวณข้อศอกและหัวเข่าด้วยน้ำผึ้งกันดีกว่า

* ขั้นตอนแรก เตรียมน้ำผึ้งแท้ประมาณ 6-7 ช้อนโต๊ะ แล้วนำไปอุ่นให้พอดี อย่าให้ร้อนจนเกินไป

* ขั้นตอนที่สอง ทำความสะอาดข้อศอก มือและหัวเข่าให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นกับสบู่ แล้วซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนู

* ขั้นตอนสุดท้าย ใช้ปลายนิ้วแตะน้ำผึ้งอุ่นๆที่เตรียมไว้ มาทาถูให้ทั่วๆข้อศอกและหัวเข่าทั้ง 2 ข้าง ขณะกำลังทาน้ำผึ้งนั้นก็ให้ออกแรงนวดคลึงบริเวณนั้นด้วย ทาจนน้ำผึ้งที่เตรียมไว้จนหมด แล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นกับสบู่ เป็นอันเรียบร้อย