บล็อกนี้ เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา อินเตอร์เน็ตและการสื่อสารในชีวิตประจำวัน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ปีการศึกษา2554

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

ความแตกต่างของโฟมล้างหน้าแบบมีฟอง และไม่มีฟอง

พบว่าในวันหนึ่งๆ เราต้องล้างหน้าอย่างน้อยวันละ ครั้งทุกเช้าเย็น เท่ากับว่าใน ปี เราต้องล้างหน้าถึง 365x2 = 730 ครั้ง ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวจึงควรล้างออกได้อย่างหมดจด เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะสาวๆ บางคนประสบปัญหาดูแลผิวหน้าได้ดีเท่าไหร่ แต่ใบหน้าก็ยังคงเป็นสิว และทิ้งริ้วรอยให้รำคาญใจ วันนี้เราจึงขอนำเสนอความแตกต่างระหว่างโฟมมีฟองกับโฟมไม่มีฟองมาให้สาวๆ ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นคะ
1. โฟมล้างหน้าประเภทมีฟอง สารที่ให้ฟองมาก มักจะเป็นสารทำความสะอาดที่มีประจุไฟฟ้าเป็นประจุลบ (Anionic surfactant)ซึ่งหลังจากใช้ล้างหน้าแล้วมักจะมีผิวแห้งตึง ยิ่งถ้าคุณล้างหน้าบ่อยๆ จะยิ่งมีผิวหน้าแห้งตึงมากยิ่งขึ้น สารในกลุ่มนี้คือ โซเดียม ลอริล ซีลเฟต (sodium lauryl sulfate หรือ SLS) ซึ่งมักจะก่อให้เกิดผื่นระคายสัมผัสได้บ่อยๆ (Irritant contact dermatitis)
นอกจากนี้ สารที่มีประจุเป็นลบ จะจับกับประจุบวกบนผิวหน้าทำให้เกิดสารตกค้าง บนผิวหน้าได้ง่าย ยิ่งนานวันเข้าก็จะยิ่งสะสมมากขึ้น ก่อให้เกิดการอุดตันบริเวณต่อมรูขุมขน ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ง่าย ที่เราเรียก "โคมีโดน" (Comedone)
2. โฟมล้างหน้าประเภทไม่มีฟอง สารที่ใช้ทำความสะอาดผิวหน้าจะเป็นชนิดที่ไม่มีประจุไฟฟ้า (Nonionic surfactant) พวกครีมโฟมล้างหน้าที่ไม่มีฟองนี้ เมื่อนำมาใช้ล้างหน้าจะมีข้อดีคือ ชำระล้างออกด้วยน้ำได้ง่าย เนื่องจากไม่มีประจุไฟฟ้านั่นเอง จึงไม่ทิ้งสารตกค้างบนผิวหน้า ไม่มีการสะสมที่ผิวหน้า ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน ดังนั้นจึงไม่มีสิวอุดตันเกิดขึ้น เมื่อใช้โฟมไม่มีฟองล้างหน้า ผิวหน้าจึงดูสดใส ไร้ริ้วรอย และไม่แห้งตึงหลังการล้างหน้า
เพราะเหตุนี้เวลาไปพบแพทย์ เพื่อดูแลปัญหาเรื่องสิวบนใบหน้า แพทย์จึงมักแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าชนิดไม่มีฟองคะ ซึ่งหากใช้อย่างสม่ำเสมอติดต่อกัน ผิวหน้าจะปรับสู่สภาพที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีค่ากรด-ด่าง (pH) ในระดับที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติคะ อย่างเช่น โฟมล้างหน้าไม่มีฟองจากแบรนด์ Smooth E เป็นต้นคะ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น